tag:blogger.com,1999:blog-29518148578828754772024-03-13T23:19:35.650+07:00ชาวนสวน in Thailandบอกเล่าเรื่องราวการใช้ชีวิตและประสบการณ์การของลูกชาวสวนผลไม้ ที่ได้มีโอกาศเข้าใกล้แหล่งความรู้ที่เรียกว่า Internetสายหมอก :: ชาวสวนหัวใจไอทีhttp://www.blogger.com/profile/14494417027355861645noreply@blogger.comBlogger9125tag:blogger.com,1999:blog-2951814857882875477.post-63848966062352740812009-12-10T02:27:00.002+07:002009-12-10T02:37:40.389+07:00หน้าดินนั้น สำคัญไฉนหลายวันก่อนต้องไถปรับหน้าดินเพื่อทำโรงเห็ด ทำให้พบว่า ชั้นหน้าดินหนาได้ใจมาก<br />
ปกติแล้ว ดินดั้งเดิมเป็นดินลูกรังแดง มีชั้นผิวดินเป็นวัตถุธาตุอาหารบางๆ ยิ่งสวนไหนขยันฉีดยา ก็ยิ่งบางเบาจนแทบโชว์เนื้อลูกรัง แต่ผลจากการไม่ฉีดยาฆ่าหญ้า การปลูกถั่วพร้าคลุมดิน การเพาะเห็ดฟางกองเตี้ยด้วยทะลายปาล์ม ผ่านไปกว่า 10 ปี วันนี้สิ่งเหล่านั้นยังคงสั่งสมอยู่ในผืนดินผืนนี้<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgtkpyJplRBto-hTPLmR7OAGNd2lLri05pYGCSxCTshjaa5OEqXLiQo7wJs9lefVty2nTL1e__o6PV30kZCtMCs_Y_cW5MNRBoztVxd6s5ZEjGUVi1Ea_55MnSEJAi55rDK-WMOceZBpsE/s1600-h/04122009093.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgtkpyJplRBto-hTPLmR7OAGNd2lLri05pYGCSxCTshjaa5OEqXLiQo7wJs9lefVty2nTL1e__o6PV30kZCtMCs_Y_cW5MNRBoztVxd6s5ZEjGUVi1Ea_55MnSEJAi55rDK-WMOceZBpsE/s320/04122009093.jpg" /></a><br />
</div>ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นสีของดินแยกกันชัดเจน ชั้นล่างจะสีแดง นั่นเป็นดินลูกรัง แต่ชั้นบนจะเป็นสีดำ นี่คือหน้าดินที่อุดมไปด้วยธาตุอาหาร ซากพืช ปุ๋ยหมักตามธรรมชาติ ผมลองวัดความหนาของชั้นหน้าดินที่ได้เห็น พบว่าหนามากกว่า 20 เซ็นติเมตร<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEixtvgWNADOIyJqQsSHKSEZkcVPRNoehgL5UtH5d5_UuAF4UVm9kwpFswRqWsy80PGtJliqL5PM-cdQCJc8_MxqkKxtuT0An-oqSYDLx60DPOCzCe-G38u8dGhmSYJIWCxmYPaaqadIbEE/s1600-h/04122009090.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEixtvgWNADOIyJqQsSHKSEZkcVPRNoehgL5UtH5d5_UuAF4UVm9kwpFswRqWsy80PGtJliqL5PM-cdQCJc8_MxqkKxtuT0An-oqSYDLx60DPOCzCe-G38u8dGhmSYJIWCxmYPaaqadIbEE/s320/04122009090.jpg" /></a><br />
</div>ให้เห็นแบบชัดเจน ความแดงของดินลูกรัง แล้วแบบนี้ สงสัยกันมั้ยครับว่า ต้นไม้ที่งอกงามเหล่านั้น โตกันได้ยังไง คำตอบก็คือ อาศัยธาตุอาหารจากหน้าดิน ไงละครับ ยิ่งหน้าดินหนาและมีสภาพสมบูรณ์มากเท่าไหร่ ต้นไม้ก็เจริญได้ดีตามเท่านั้น ไม่เพียงต้นไม้ แต่สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่เกี่ยวกับห่วงโซ่ในธรรมชาติก็พลอยได้อานิสงค์นี้ด้วย ไส้เดือน นักพรวนดิน ก็มีที่อยู่ เชื้อราตามธรรมชาติที่ช่วยย่อยซากพืชซากสัตว์ที่ตามแล้วให้เป็นธาตุอาหาร กลับเข้าสู่ห่วงโซ่อีกครั้ง เศษใบไม้ที่ทับถม กิ่งไม้ใบหญ้าที่ตายแล้ว ทั้งหมดล้วนมีส่วนช่วยส่งเสริมความอุดมสมบูรณ์ของดิน ให้เหมาะต่อการดำรงชีวิตทั้งของต้นไม้และสัตว์ เมื่อดินดีขนาดนี้จึงไม่แปลกเลยที่รากหาอาหารของต้นไม้น้อยใหญ่จะกระจายกันอยู่บนชั้นหน้าดินแน่นขนัด แบบนี้ปลูกอะไรก็งามครับ แม้ไม่ใส่ปุ๋ยเคมีเลย ก็ไม่เดือดร้อน แล้วสวนคุณล่ะ มีหน้าดินแบบนี้หรือยังสายหมอก :: ชาวสวนหัวใจไอทีhttp://www.blogger.com/profile/14494417027355861645noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2951814857882875477.post-51151239704191774532009-12-08T12:22:00.002+07:002009-12-08T12:51:03.581+07:00ปาล์มน้ำมันราคาดีอาทิตย์ที่ผ่านมาไปแทงปาล์มกันสามคนพ่อลูกครับ คราวนี้เป็นรอบของแปลงล่าง มีต้นปาล์มอยู่ร้อยกว่าต้นเอง อายุได้ 4 ปีและน้อยกว่านั้น มาดูสภาพในสวนกันครับ<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjCjtle-cDjsi4nwfna3xCq4fx-1bzP1M8umjAP_6pdrB4VpXeC2DXZDtKKlbl1kkZRitEV4e1FJdyBUunLRnwDiMAyZIkXIGd5tnB4z5iHR01T7W2SJRVrgNUYm4-d4X5NnRGtusNOBx0/s1600-h/04122009129.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjCjtle-cDjsi4nwfna3xCq4fx-1bzP1M8umjAP_6pdrB4VpXeC2DXZDtKKlbl1kkZRitEV4e1FJdyBUunLRnwDiMAyZIkXIGd5tnB4z5iHR01T7W2SJRVrgNUYm4-d4X5NnRGtusNOBx0/s320/04122009129.jpg" /></a><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">นี่เป็นทางที่พึ่งจะไถไปได้ไม่นาน เส้นทางโอบออกไปทางขวาของสวนจนสุด แล้ววกเข้าผ่ากลางสวนครับ เพื่อให้รถสามารถวิ่งวนเก็บทะลายได้<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiYqcp2Io5_0koztjpqcLJPFkI-hor5B-WW1LuXTI-rYsl9EmuOulChzTlz9Ko7Jeva0wBHbCDKBe76qu4AzOABxlYG9q_yfJF_o0hIsgie1bezffepd5my24r4yuOWilXqIz_sMkHlKiI/s1600-h/04122009104.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiYqcp2Io5_0koztjpqcLJPFkI-hor5B-WW1LuXTI-rYsl9EmuOulChzTlz9Ko7Jeva0wBHbCDKBe76qu4AzOABxlYG9q_yfJF_o0hIsgie1bezffepd5my24r4yuOWilXqIz_sMkHlKiI/s320/04122009104.jpg" /></a><br />
</div>นี่ก็เป็นอีกเส้นที่ขนาดไปกับความยาวของสวน<br />
ช่วงนี้มีฝนตกทุกวัน เช้าบ้าง เย็นบ้าง แล้วแต่ศรัทธา ดินจึงชุ่มชื้นอยู่เสมอ<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg_7lcy1hKUT-JJ6TPhMJ9d-28FyYM28LQDk8BDc5Qq45l0j6NbVhBdZIUaWkwqQtd9NHi27DgC1I8RgpyCt85AfpQV4R6WhjmDHj-KyaWHLITpgBSIvL5uDddpHFZeFMZhbxDWhnXrUMs/s1600-h/04122009136.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg_7lcy1hKUT-JJ6TPhMJ9d-28FyYM28LQDk8BDc5Qq45l0j6NbVhBdZIUaWkwqQtd9NHi27DgC1I8RgpyCt85AfpQV4R6WhjmDHj-KyaWHLITpgBSIvL5uDddpHFZeFMZhbxDWhnXrUMs/s320/04122009136.jpg" /></a><br />
</div><br />
นี่เป็นตัวอย่างทะลายปาล์มที่ยังไม่สุก สีจะเขียวเข้มแบบนี้ ต้นนึงก็จะมีประมาณ 2 - 4 ทะลาย และจะมีทะลายที่ผ่านช่วงการเป็นดอกมาหมาดๆอีก อย่างน้อย 1-3 ทะลาย ซึ่งหมายความว่า ในการตัดรอบถัดไป และ รอบถัดๆไป จะยังมีทะลายให้สม่ำเสมอแน่นอน แต่<b> จุดสำคัญคือ ความสมบูรณ์ของดินและน้ำต้องพร้อม</b> ไม่เช่นนั้น ทะลายที่เกิดใหม่เหล่านี้จะชะงักการเติบโต<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiHEx4yN_MudRP79uHrJ-nsy8tEj3ls9PuctfIbxaBDs60nhyUqen_pUk7XErXPMNHMiYNBxrNE0Wf3YlQfqtRo8nR-7HMrBY4-PD3qBfAE0g4PlIVEQAtW_0WB-2xChGnYyHLkAzPynoc/s1600-h/06122009163.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiHEx4yN_MudRP79uHrJ-nsy8tEj3ls9PuctfIbxaBDs60nhyUqen_pUk7XErXPMNHMiYNBxrNE0Wf3YlQfqtRo8nR-7HMrBY4-PD3qBfAE0g4PlIVEQAtW_0WB-2xChGnYyHLkAzPynoc/s320/06122009163.jpg" /></a><br />
</div>นี่เป็นตัวอย่าง <b>ทะลายที่ไม่สมบูรณ์</b> เพราะขาดอาหาร หากเจอว่าปาล์มต้นไหนให้ทะลายแบบนี้ก็บำรุงด่วนเลยครับ ไม่งั้น รอบถัดไป จะเจอแบบนี้อีกแน่นอน<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEil0RcCIKX4W_DGlUpxZOfj1KWNoDRNGVeSRRjJPhhR2t4kTQtb0LOgZV4sWTlCf3xqHDOS3pqsmB_I1t51InpzkDqfRJONjVsvEvq_re8MByRZUbSNpGC1GQAUs3iJdgkKO4etcMZ5hnw/s1600-h/06122009159.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEil0RcCIKX4W_DGlUpxZOfj1KWNoDRNGVeSRRjJPhhR2t4kTQtb0LOgZV4sWTlCf3xqHDOS3pqsmB_I1t51InpzkDqfRJONjVsvEvq_re8MByRZUbSNpGC1GQAUs3iJdgkKO4etcMZ5hnw/s320/06122009159.jpg" /></a><br />
</div>ปาล์มต้นนี้ยังไม่มีให้ตัดในรอบนี้ครับ แต่สังเกตว่า ทะลายที่กำลังจะแก่ และพร้อมให้ตัดในรอบถัดไปมีมากถึง 3 ทะลาย จากขนาดทะลาย น้ำหนักเฉลี่ยคงประมาณ 7-10 กิโลกรัม / ทะลาย นับเป็นตัวอย่างของต้นที่ดินสมบูรณ์ต้นนึงเลย แต่ถ้าเทียบกับแปลงเนินเขา ซึ่งต้นปาล์มอายุมากกว่า 8 ปีแล้ว น้ำหนักเฉลี่ยต่อทะลายจะอยู่ที่ 20 กิโลกรัม/ทะลาย แปลงล่างนี้ก็เด็กๆไปเลย<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhJFWtbx_KBGX1BpXXpGCf4rJJKInaV8pQRCKxBtdQjv_xCBTMk2hTKkczT271g-SoUMS3FosErsdQImZ3qAltOu-YgJ6R9liisxDJSA6WyLuEnN43eOaJZlk9SakISnU7VeYiS0SGgjcM/s1600-h/06122009157.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhJFWtbx_KBGX1BpXXpGCf4rJJKInaV8pQRCKxBtdQjv_xCBTMk2hTKkczT271g-SoUMS3FosErsdQImZ3qAltOu-YgJ6R9liisxDJSA6WyLuEnN43eOaJZlk9SakISnU7VeYiS0SGgjcM/s320/06122009157.jpg" /></a><br />
</div><b>ปาล์มร่วง</b> นี่เป็นสภาพที่จะเกิดขึ้นหากปล่อยให้ทะลายสุกจัด แต่ถ้าไม่ขี้เกียจ ปาล์มร่วงก็ได้ราคาสูงกว่าปาล์มแบบทะลายนะครับ ซึ่งผมแนะนำว่า เก็บให้หมดตั้งแต่ตอนที่เจอเลย ได้ประโยชน์ 2 ทาง คือ ขายได้ราคา และ ไม่ต้องเสียเวลากำจัดต้นปาล์มที่จะงอกงามแย่งธาตุอาหารของต้นแม่ในอนาคต ครับ เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2552 ราคาปาล์มที่อ.พะโต๊ะ เป็นดังนี้ครับ<br />
ปาล์มร่วง 5.0 บาท/ก.ก.<br />
ปาล์มทะลาย 4.50 บาท/ก.ก.<br />
<br />
และเพื่อเป็นแนวทางแก่ผู้ที่ยังไม่ทราบ (ขออภัยผู้ที่ทราบอยู่แล้ว) ขอแนะนำการบำรุงต้นปาล์มกันอีกครั้ง ตามลิงค์นี้ครับ<br />
<a href="http://thai-farmer.blogspot.com/2009/09/blog-post_28.html">http://thai-farmer.blogspot.com/2009/09/blog-post_28.html</a>สายหมอก :: ชาวสวนหัวใจไอทีhttp://www.blogger.com/profile/14494417027355861645noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2951814857882875477.post-23815328943855948002009-10-12T00:42:00.002+07:002009-10-12T01:02:15.475+07:00รายได้เสริมของชาวสวนเมื่อฤดูเก็บเกี<wbr></wbr><wbr></wbr>่ยวหลักผ่านพ้นไ<wbr></wbr><wbr></wbr>ป ช่วงเวลาส่วนใหญ<wbr></wbr><wbr></wbr>่ของชาวสวนคือกา<wbr></wbr><wbr></wbr>รดูแลและบำรุงต้<wbr></wbr><wbr></wbr>นและบำรุงดินให้<wbr></wbr><wbr></wbr>พร้อมสำหรับการผ<wbr></wbr><wbr></wbr>ลิตในฤดูกาลถัดไ<wbr></wbr><wbr></wbr>ป หนึ่งในความพร้อ<wbr></wbr><wbr></wbr>มหลายๆอย่างก็คื<wbr></wbr><wbr></wbr>อ แมลงผสมเกษร ซึ่งก็คือ ผึ้งมิ้ม นั่นเอง<br />
ผึ้งมิ้มจะย้ายร<wbr></wbr><wbr></wbr>ังใหม่เมื่อตัวน<wbr></wbr><wbr></wbr>างพญาตัวใหม่เกิ<wbr></wbr><wbr></wbr>ดขึ้นมาหรือเมื่<wbr></wbr><wbr></wbr>อไม่ค่อยมีอาหาร<wbr></wbr><wbr></wbr>ในพื้นที่ โดยการส่งหน่วยส<wbr></wbr><wbr></wbr>อดแนบไปสำรวจตรว<wbr></wbr><wbr></wbr>จตราพื้นที่ ดูแหล่งอาหาร แหล่งที่พัก สังเกตได้ว่าสวน<wbr></wbr>ไหนมีผึ้งมิ้มมา<wbr></wbr>ทำรังบ่อยๆแสดงว<wbr></wbr>่าสวนนั้นปลอดภั<wbr></wbr>ยไร้สารอันตรายต<wbr></wbr>่อแมลง ซึ่งถือเป็นดัชน<wbr></wbr>ีชี้วัดความอุดม<wbr></wbr>สมบูรณ์และความป<wbr></wbr>ลอดภัยทางโภชนาก<wbr></wbr>ารได้เป็นอย่างด<wbr></wbr>ี หากเราเห็นผึ้งม<wbr></wbr><wbr></wbr>ิ้มบินวนเวียนใก<wbr></wbr><wbr></wbr>ล้ๆมุมบ้าน หรือตามโรงเรือน<wbr></wbr><wbr></wbr> ตามโพรงไม้ ให้สันนิษฐานไว้<wbr></wbr><wbr></wbr>ก่อนว่า มีฝูงอยู่ไม่ไกล<wbr></wbr><wbr></wbr>แน่นอน ให้รีบเตรียมการ<wbr></wbr><wbr></wbr>สร้างบ้านเช่าไว<wbr></wbr><wbr></wbr>้รอต้อนรับเค้าไ<wbr></wbr><wbr></wbr>ด้เลย <br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiqyFS0Evolz_Nuw_2jsAdz6Tlhbsma7FrRaZbqsDwbxZtIsBoX-VK8YPYdTNCLgyLs9ObJoAwYS5-4fUgW55DylV07RGM48C1aAGNTpUEQQMxmVPdZ_ZN9YU7wTgBfUn9bgGbVWLEtLA4/s1600-h/DSC00225.JPG" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiqyFS0Evolz_Nuw_2jsAdz6Tlhbsma7FrRaZbqsDwbxZtIsBoX-VK8YPYdTNCLgyLs9ObJoAwYS5-4fUgW55DylV07RGM48C1aAGNTpUEQQMxmVPdZ_ZN9YU7wTgBfUn9bgGbVWLEtLA4/s320/DSC00225.JPG" /></a><br />
</div> วิธีการทำง่ายๆ แค่หาเศษไม้มาปร<wbr></wbr><wbr></wbr>ะกอบให้เป็นลังส<wbr></wbr><wbr></wbr>ี่เหลี่ยม ไม่ต้องแนบสนิทม<wbr></wbr><wbr></wbr>ากมาย ให้มีร่องมีรูให<wbr></wbr><wbr></wbr>้ลมผ่านบ้าง ส่วนฝาก็ทำแบบหม<wbr></wbr><wbr></wbr>ุนสลักล็อก จะได้สะดวกเวลาเ<wbr></wbr><wbr></wbr>ปิด วางบนเสาปูน มีหลังคาเก่าๆไว<wbr></wbr><wbr></wbr>้กันฝน และหาผ้าชุบน้ำม<wbr></wbr><wbr></wbr>ันมาพันไว้ที่โค<wbr></wbr><wbr></wbr>นเสากันมด ตรงรูทางเข้า หาขี้ผึ้งเก่าๆม<wbr></wbr><wbr></wbr>าลนไฟเอาไว้ รับรองว่าต้องมี<wbr></wbr><wbr></wbr>สมาชิกตัวเล็กๆม<wbr></wbr><wbr></wbr>าอาศัยแน่นอน ปล่อยให้เค้าสร้<wbr></wbr>างอาหารสะสมจนถึ<wbr></wbr>งเดือนห้า(ของไท<wbr></wbr>ยคือเดือนเมษายน<wbr></wbr>)ก็เก็บน้ำผึ้งไ<wbr></wbr>ด้ ในรูปเป็นลังผึ้<wbr></wbr><wbr></wbr>งมิ้มที่สามารถเ<wbr></wbr><wbr></wbr>ก็บค่าเช่าได้รอ<wbr></wbr><wbr></wbr>บละ 3-4 ขวดกลม เลี้ยงเค้าแบบพอ<wbr></wbr>เพียง ก็จะได้น้ำผึ้งแ<wbr></wbr>บบพอเพียง อย่าเอาของเค้าห<wbr></wbr>มดรังก็พอเค้าก็<wbr></wbr>จะอยู่กับเราไปอ<wbr></wbr>ีกนานครับ ที่สำคัญเรายังไ<wbr></wbr>ด้ผู้ช่วยมือดีม<wbr></wbr>าผสมเกษรให้กับพ<wbr></wbr>ืชผลของเราด้วย ประโยชน์หลายทาง<wbr></wbr>ครับ<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjrj0kXXrArRSIpoUNwFNl2fC9r5qNbirLwwqZoUZc_cPTQlQrCsZNtxWCXyosomNBFzhbLoN3PYpptvth7tONsOoTpIteYqZE8734B2S-t2MWq1dTIGAafIRMWkHbamx6fWOdR4tt4gK4/s1600-h/%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjrj0kXXrArRSIpoUNwFNl2fC9r5qNbirLwwqZoUZc_cPTQlQrCsZNtxWCXyosomNBFzhbLoN3PYpptvth7tONsOoTpIteYqZE8734B2S-t2MWq1dTIGAafIRMWkHbamx6fWOdR4tt4gK4/s320/%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89.jpg" /></a><br />
</div> ปิดท้ายด้วยรูปของดอกว่านหางจระเข้ ซึ่งสำหรับผม ถือเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นครับ สายหมอก :: ชาวสวนหัวใจไอทีhttp://www.blogger.com/profile/14494417027355861645noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2951814857882875477.post-4697958656582440042009-10-11T00:57:00.003+07:002009-10-12T00:59:22.357+07:00บรรยากาศบ้านสวนช่วงนี้กำลังบำร<wbr></wbr><wbr></wbr>ุงยอดมังคุดอยู่<wbr></wbr><wbr></wbr>ครับ ยอดรุ่นนี้แก่ช้<wbr></wbr><wbr></wbr>ากว่าที่วางแผนไ<wbr></wbr><wbr></wbr>ว้เพราะเจอฝนหนั<wbr></wbr><wbr></wbr>กและแดดน้อยติดต<wbr></wbr><wbr></wbr>่อกันหลายวัน ช่วงรอมังคุดยอด<wbr></wbr><wbr></wbr>แก่ก็มาดูบรรยาก<wbr></wbr><wbr></wbr>าศที่สวนกันครับ<wbr></wbr><wbr></wbr><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjCbBd8mYN4ZMxm3HnuWBN50oFuPPoFcmMmObOGklsxNXBOliqJSdX9nTSq0tgJekLFXkZIxh9wfSvLuG0Ijt879pVlA1HK4UKZlzrbqH3QRmm1t3UVJAgA4CK5As8hyjOFb1mSkHyTlpk/s1600-h/0316063820.JPG" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjCbBd8mYN4ZMxm3HnuWBN50oFuPPoFcmMmObOGklsxNXBOliqJSdX9nTSq0tgJekLFXkZIxh9wfSvLuG0Ijt879pVlA1HK4UKZlzrbqH3QRmm1t3UVJAgA4CK5As8hyjOFb1mSkHyTlpk/s320/0316063820.JPG" /></a><br />
</div>เป็นบรรยากาศตอน<wbr></wbr><wbr></wbr>เช้าเวลาประมาณ 8 โมง หมอกยังหนาอยู่เ<wbr></wbr><wbr></wbr>ลยครับ อากาศกลางคืนหนา<wbr></wbr><wbr></wbr>วได้ใจ นี่เป็นช่วงเดือ<wbr></wbr><wbr></wbr>นตุลาคม แต่ถ้าเดือนกุมภ<wbr></wbr><wbr></wbr>าพันธ์หรือมีนาค<wbr></wbr><wbr></wbr>มจะมีหมอกจนเกือ<wbr></wbr><wbr></wbr>บๆ 10 โมงเลย<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiaFT_n5Hm7TjLEsec3dIVfG4GsNvA_bJGgK4KEpjtGAPUJaYuvw8-Wwt7gwDKTjHPk-BjWcnyDGQepDMNJG9UGCIabOndR0sSeWtsd4pzXzMU-kjg-5iIp1u0PTcAvGrVK0uqN4q9c160/s1600-h/%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiaFT_n5Hm7TjLEsec3dIVfG4GsNvA_bJGgK4KEpjtGAPUJaYuvw8-Wwt7gwDKTjHPk-BjWcnyDGQepDMNJG9UGCIabOndR0sSeWtsd4pzXzMU-kjg-5iIp1u0PTcAvGrVK0uqN4q9c160/s320/%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87.jpg" /></a><br />
</div> อีกเรื่องคือ กิ่งตอนชมพู่พลา<wbr></wbr><wbr></wbr>สติกแตกรากเต็มท<wbr></wbr><wbr></wbr>ี่แล้ว พร้อมที่จะลงดิน<wbr></wbr><wbr></wbr>ในไม่ช้าครับ ขาดก็แต่ปุ๋ยคอก<wbr></wbr><wbr></wbr>ที่ช่วงนี้หาได้<wbr></wbr><wbr></wbr>ยากจริงๆ ใครมีแหล่งผลิตแ<wbr></wbr><wbr></wbr>นะนำผมบ้างนะครั<wbr></wbr><wbr></wbr>บ<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><br />
</div> อัปเดตครับ ต้นผักเหลียงที่<wbr></wbr>เคยบอกว่าไปตอนเ<wbr></wbr>อาไว้ วันนี้ลงดินไปแล<wbr></wbr>้วครับ เลยเอารูปมาฝากเ<wbr></wbr>ผื่อว่าใครไม่เค<wbr></wbr>ยเห็น ถ้าเห็นกันแล้วก<wbr></wbr>็ขออภัยครับ ^^"สายหมอก :: ชาวสวนหัวใจไอทีhttp://www.blogger.com/profile/14494417027355861645noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2951814857882875477.post-12448706699443025802009-09-28T10:02:00.008+07:002009-09-28T15:54:51.063+07:00ผืนดินชุ่มชื่นกลางสายฝน ช่วงนี้มีลมรสุมพัดเข้าจากด้านทะเลเวียดนาม ส่งผลให้มีฝนตกชุกตั้งแต่ภาคเหนือลงมา จังหวัดชุมพรก็ได้รับอานิสงค์ไปด้วย สวนมังคุดจึงได้รับฝนเต็มที่ ปุ๋ยที่ใส่ไว้เมื่อต้นเดือนเริ่มส่งผลแล้ว ยอดอ่อนรุ่นแรกแตกออกมาให้ได้ชื่นใจ อีกซัก 1 อาทิตย์ ฝนคงจะเบาบางลง คงได้เวลาใส่ปุ๋ยสูตรเสมอเพื่อบำรุงใบกันอีกรอบ ช่วงนี้ทำได้แค่ผสมปุ๋ยหมักรอไว้ก่อน ยังไม่รีบใช้เพราะใต้โคนมังคุดมีทลายปาลม์ที่ผ่านการเพาะเห็ดฟางอยู่มากกว่า 20 ตัน กระจายกันเกือบทั้งสวน เป็นปุ๋ยหมักชั้นดีเลยทีเดียว ท่านพ่อเคยยกทลายปาลม์ดู เจอใส้เดือนอ้วนๆมากมาย แสดงให้เห็นว่าดินอุดมสมบูรณ์ใช้ได้เลย ประกอบกับไม่มีการใช้สารเคมีสังเคราะห์จำพวกยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลง มากว่า 10 ปี ด้วยแล้ว สวนนี้จึงเป็นสวนไร้สารอีกแห่งเลยทีเดียว<br />
ยังมีอีกเรื่องที่น่าชื่นใจ กิ่งตอนของต้นผักเหลียงแตกรากออกมาแล้ว อีกไม่กี่วันคงได้เวลาตัดไปปลูกล่ะ หลังจากรอมาเกือบ15วัน ความตั้งใจก็จะเป็นจริงแล้ว ปลายเดือนหลังจากปลูกชุดนี้ไป ประมาณ เกือบๆ 100 ต้น ก็จะลงมือตอนกิ่งใหม่เพิ่มอีก เพื่อไว้ปลูกใต้โคนต้นมังคุด หวังประโยชน์ 2 ทาง ทั้งช่วยดูดน้ำ และ เก็บยอดขาย ไว้สะดวกเมื่อไหร่จะได้ถ่ายรูปมาฝากกัน<br />
ขณะที่พืชหลักรายปี อย่างมังคุด อยู่ในช่วงบำรุง พืชที่ให้รายได้ทุกเดือนอย่าง ปาล์ม ก็ยังให้รายได้ต่อเนื่องมาตลอด และเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ด้วยความตั้งใจ จึงได้ทำปฏิทินการให้ปุ๋ยปาล์มแบบอินทรีย์มานำเสนอ ประยุกต์วิธีการมาจากผู้รอบรู้และผู้สำเร็จในอาชีพ<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi80hpXSdkk_KiPQnI30QyIi3TaiQG9vW0lLk12z3W5bp3raaUdp2bb2xpoBGal2IGLzBsBmdXUwvUCGifkGW_TS1DV-DT-K70_2SoOYufB4t6-Cg46rENiPnfXxoVRnmZfKToF1K8oz1I/s1600-h/%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B8%A1.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi80hpXSdkk_KiPQnI30QyIi3TaiQG9vW0lLk12z3W5bp3raaUdp2bb2xpoBGal2IGLzBsBmdXUwvUCGifkGW_TS1DV-DT-K70_2SoOYufB4t6-Cg46rENiPnfXxoVRnmZfKToF1K8oz1I/s320/%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B8%A1.png" /></a><br />
</div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"> จะเห็นว่ามี 2 แบบนะครับ แบบแรกเป็นระบบปุ๋ยเคมีสำเร็จรูป ซึ่งมีสูตรชัดเจน และสูตรนี้ให้ผลเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ !!! ต้องลงทุนสูงมากเมื่อเทียบกับสูตรที่สอง ซึ่งเป็นการใช้น้ำหมักชีวภาพ(น้ำปลาหมัก)และปุ๋ยหมักชีวภาพ ร่วมกับการสร้างปุ๋ยหมักด้วยทางปาล์มกลางสวน ซึ่งได้ผลผลิตทลายปาล์มน้อยกว่าแบบแรกประมาณ 10-30% แต่ต้นทุนต่างกันกว่า 80% เลยทีเดียว<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"> สิ่งที่คล้ายคลึงกันคือช่วงเวลาที่ทำการใส่ปุ๋ย คือ ช่วงต้นฤดูฝน ปลายฤดูฝน แต่อาจคลาดเคลื่อนกันบ้างเล็กน้อย ให้ยึดตามฤดูกาลของแต่ละท้องถิ่นเป็นหลักนะครับ ส่วนการให้น้ำในหน้าแล้งนั้น ควรทำทั้งสองแบบ เพราะจะช่วยให้ปาล์มให้ผลผลิตได้ดีขึ้น ถ้าพูดตามหลักวิชาการคือ ปริมาณน้ำมีผลต่อการเจริญเติมโตและการสร้างตาดอกของทลายปาล์ม ถ้ามีการจัดการดูแลที่ดี ในปาล์มอายุ 5 ปีขึ้นไป น่าจะมีผลผลิตเฉลี่ย 0.5 - 1.0 ตัน / ไร่ ต่อรอบเลยทีเดียว (ขึ้นอยู่กับพันธ์ปาล์มและที่ตั้งแปลงรวมถึงลักษณะดินฟ้าอากาศด้วย) และเมื่อปาล์มอายุมากขึ้นก็จะให้ผลผลิตสูงขึ้น โดยช่วงที่ปาล์มให้ผลผลิตสูงที่สุดคือช่วงเดือน กรกฏาคม - กันยายน <br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">มาลองคิดเลขกันเล่นๆ ในสวนปาล์มที่บำรุงนิดหน่อย อาศัยดินดี ฝนดี<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">ปาล์ม 1 ทะลาย โดยทั่วไปจะหนักประมาณ 5-20 ก.ก.<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">เฉลี่ยทะลายสมบูรณ์ 12 ก.ก. ผมปัดทิ้งให้เหลือ 10 ก.ก. / ทะลาย<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">ปาล์มสมบูรณ์ 1 ต้น ให้ผลผลิต 2-4 ทะลาย หรือ 20-40 ก.ก./ต้น เฉลี่ยที่ 30 ก.ก. / ต้น<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">1 ไร่ มีประมาณ 22 ต้น<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"> 22 ต้น/ไร่ * 30 ก.ก./ต้น = 660 ก.ก. / ไร่<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">ถ้าขายได้ราคา 3 บาท / ก.ก. --> 3 บาท/ก.ก. * 660 ก.ก. / ไร่ = 1,980 บาท / ไร่<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">ถ้าบ้านใครปลูกปาล์มซัก 10 ไร่ ---> 1,980 บาท/ไร่ * 10 ไร่ = 19,800 บาท / รอบ <br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">รอบนึงตัดครั้งนึง สมมติใช้เวลา 2 วัน จ้างคนงาน 2 คน<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">ค่าแรง 250 บาท / คน / วัน<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">จะต้องเสียค่าแรงงาน = 250 บาท/คน/วัน * 2 คน * 2 วัน/รอบ = 1,000 บาท/รอบ<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">เสียค่าน้ำมันรถ 500 บาท<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">หักลบกันง่ายๆ 19,800 - 1,000 - 500 = 18,300 บาท<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">ต่อไปเป็นตัวแปรหลัก นั่นคือ ราคาปุ๋ย <br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">ถ้าเลือกได้ หันไปใช้สูตรแบบสองน่าจะดีกว่าครับ เพราะปุ๋ยเคมีมันแพง ประมาณ 1,200 บาท/ไร่ ทั้งยังทำลายโครงสร้างดินด้วย ในขณะที่ปุ๋ยชีวภาพส่งเสริมรากปาล์ม ส่งเสริมสิ่งมีชีวิตในดิน ดินดีขึ้น ที่สำคัญสุดๆคือ ราคาถูก ประมาณ 500 บาท/ไร่ และทำเองได้ครับ<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">ปาล์ม 10 ไร่ ถ้าใช้สูตร 1 ปุ๋ยเคมี จะจ่ายค่าปุ๋ย 10 ไร่ * 1,200 บาท/ไร่ = 12,000 บาท<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">ปาล์ม 10 ไร่ ถ้าใช้สูตร 2 ปุ๋ยชีวภาพ จะจ่ายค่าปุ๋ย 10 ไร่ * 500 บาท/ไร่ = 5,000 บาท<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">เอารายได้จากการหักค่าแรงงานและขนส่งมาคิด<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">แบบสูตร 1 จะได้ 18,300 - 12,000 = 6,300 บาท<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">แบบสูตร 2 จะได้ 18,300 - 5,000 = 13,300 บาท<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">เพื่อให้เห็นความแตกต่าง สมมติ มี นาย ก. และ นาย ข. พื้นที่สวนติดกัน <br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">นาย ก. ทำแบบ สูตร 1<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">นาย ข. ทำแบบ สูตร 2<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">ให้ทั้งสองคนออมเงิน 50% จากรายได้สวนปาล์ม<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">ผ่านไป 1 ปี นาย ก. มีเงินออม 6,300 บาท * 50% * 12 เดือน = 37,800 บาท + ดินโทรม ผลผลิตปีต่อไปจะเริ่มลดลง<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">ผ่านไป 1 ปี นาย ข. มีเงินออม 13,300 บาท * 50% * 12 เดือน = 79,800 บาท + ดินดีมาก แม้ปีต่อไปไม่ใส่ปุ๋ยเท่าเดิม แต่ก็ยังมีผลผลิตสูงอยู่ดี<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">นี่แค่ให้เห็นภาพที่ชัดเจนเท่านั้น ในความเป็นจริง การใส่ปุ๋ยก็ไม่ได้ทำทุกเดือน และรายได้ก็ไม่ได้เท่ากันทุกเดือนด้วย อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่า มีช่วงที่ปาล์มให้ผลผลิตเยอะๆอยู่ ช่วงนึงคือ กรกฏาคม - กันยายน(หน้าฝน) ส่วนที่อยู่นอกช่วงเวลานี้ คือผลชี้ขาดที่จะแสดงให้เห็นความทุ่มเทและความใส่ใจของเจ้าของสวนปาล์มแต่ละคนครับ<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">เดี๋ยวจะหาว่าผมมั่วเอา มาดูข้อมูลราคาปุ๋ยเคมีกัน<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">ปุ๋ยเคมีสูตร 36-0-0 630 <br />
</div>ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 830 <br />
ปุ๋ยเคมีสูตร 17-9-9 650 <br />
ปุ๋ยเคมีสูตร 16-8-8 650 <br />
ปุ๋ยเคมีสูตร 16-20-0 830 <br />
ปุ๋ยเคมีสูตร 15-7-18 800 <br />
ปุ๋ยเคมีสูตร 12-12-27 950 <br />
ปุ๋ยเคมีสูตร 13-13-21 980 <br />
ปุ๋ยเคมีสูตร 25-7-7 830 <br />
ปุ๋ยเคมีสูตร 8-24-24 1,250 <br />
ปุ๋ยเคมีสูตร 35-5-0 630 <br />
ปุ๋ยเคมีสูตร 16-16-8 790 <br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">นี่เป็นราคาที่มีคนเสนอแข่งกันในเว็บๆนึงเมื่อเดือนสิงหาคม 2552 ที่ผ่านมา(ขออ้างอิงหน่อยนะครับ)<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">ก่อนจบ เป็นขั้นตอนการทำปุ๋ยหมักชีวภาพ(โบกาฉิ) ของคุณวิศาล มาฝากกันครับ<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">1.แกลบหรือเมล็ดเปลือกกาแฟ 1 ส่วน<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">2.มูลสัตว์ 1 ส่วน<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">3.ผสม EM 1 ลิตร + กากน้ำตาล 1 ลิตร + น้ำ 10 ลิตร<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">4.คลุกเคล้า 1+2+3 ให้มีความชื้นประมาณ 50%<br />
</div>5.เอารำละเอียดมาคลุกกับผลจากข้อ 4.<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">6.กองบนพื้น ความหนาประมาณ 15-20 ซม. คลุมด้วยกระสอบป่าน <span style="color: red;">กลับกองปุ๋ยทุกวัน</span> เพื่อไม่ให้อุณหภูมิเกิน 50 องศา<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">7.หมักไว้ 5-7 วัน หรือจนกว่าจะแห้ง<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">การนำไปใช้คือ ใช้โรยรอบทรงพุ่ม ต้นละ 1-2 ก.ก.<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">ขอขอบพระคุณองค์ความรู้ของ<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">1.คุณปราโมทย์ ปานเจริญ เกษตรกร อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">2.คุณวิศาล จงประเสริฐ เกษตรกร อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร<br />
</div>สายหมอก :: ชาวสวนหัวใจไอทีhttp://www.blogger.com/profile/14494417027355861645noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2951814857882875477.post-2486918243317312042009-09-04T16:15:00.000+07:002009-09-04T16:15:13.342+07:00ทำฮอร์โมนใช้ในสวนมังคุดวันนี้ค้นหาข้อมูลการทำฮอร์โมนเพื่อใช้งานในสวนมังคุดมาฝาก เป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้ขั้วดอกเหนียว แและช่วยให้มีผลดก ชื่อที่เรียกทั่วไปคือ ทำฮอร์โมนรกหมู<br />
<br />
ส่วนผสม<br />
<ol><li>รกหมูคลอดใหม่หรือรกของสัตว์ชนิดอื่น 1 รก</li>
<li>หรือ ถ้าไม่มีรกหมู อาจใช้ ขี้ปลา หรือ หัวปลา แทนในอัตรา 3 ต่อ 1 ของรกหมู <br />
</li>
<li>กาากน้ำตาล 500 ซีซี</li>
<li>น้ำ 10 ลิตร</li>
<li> หัวเชื้อจุลินทรีย์ทีเอ็ม 50 ซีซี<br />
</li>
</ol>วิธีทำ<br />
<ol><li>นำน้ำ + กากาน้ำตาล + หัวเชื้อจุลินทรีย์ทีเอ็ม ผสมกันในถัง (ที่มีฝาปิดได้สนิท) คนไปทางเดียวกันจนละลายเข้ากัน </li>
<li>นำรกหมูหรือรกสัตว์ชนิดอื่นใส่กระสอบรูพรุน (กระสอบปุ๋ย) ใส่ในถัง ปิดฝาถังให้แน่น หมักไว้ 12 วัน<br />
</li>
</ol>วิธีใช้<br />
ใช้ฮอร์โมนรกหมู 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 5 ลิตร ฉีดพ่น<br />
<br />
http://tawatchainakabut.multiply.com/journal?&page_start=40<br />
http://www.budmgt.com/agri/agri01/bio-fertilizer.htmlสายหมอก :: ชาวสวนหัวใจไอทีhttp://www.blogger.com/profile/14494417027355861645noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2951814857882875477.post-79622823588064896592009-09-02T23:12:00.002+07:002009-09-02T23:25:39.924+07:00วางแผนทำมังคุดนอกฤดูมาต่อด้วยแผนทำมังคุดนอกฤดูแบบละเอียด(ละมั้ง) ในการทำมังคุดนอกฤดู จากสวนมังคุดในฤดู เป็นกิจกรรมที่ต้องทำในวันที่กำหนดไว้ ระยะเวลาโดยรวมประมาณ 200 วัน และต้องการให้ได้ผลผลิตก่อนหน้าร้อนของปีหน้า (หน้าร้อนของภาคใต้ราวๆช่วง เมษา แต่ก็ร้อนมาตั้งแต่มีนาแล้ว ครับ)<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiepI8CHaZWAvX3RGetXNC8Xzje8y5LZxDlZA_MvyjHMsYxeVcFa4_yBDJT7vhIRFLd6GXAQYse3ez5PGPOJ5crZqtG_1BGErRSbUD1nKbA1W_69bSD3Ui1_mw02qVhs0e5xFNz8jvY7ZM/s1600-h/%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%94%E0%B8%B9.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" lk="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiepI8CHaZWAvX3RGetXNC8Xzje8y5LZxDlZA_MvyjHMsYxeVcFa4_yBDJT7vhIRFLd6GXAQYse3ez5PGPOJ5crZqtG_1BGErRSbUD1nKbA1W_69bSD3Ui1_mw02qVhs0e5xFNz8jvY7ZM/s400/%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%94%E0%B8%B9.png" /></a></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">เริ่มต้นกันตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยการเริ่มบำรุงต้นที่ผ่านการให้ผลผลิตมาสดๆร้อนๆ ด้วยปุ๋ยเคมี ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยน้ำ และ ฮอร์โมนน้ำหมักครับ ปุ๋ยที่ใช้ก็เน้นที่ใบด้วยครับ ระยะเวลาประมาณ 40 วัน ใบอ่อนชุดใหม่จะแก่ แล้ว ก็เริ่มบำรุงเพื่อเร่งยอดอ่อนรุ่น 2 ซึ่งใช้เวลาประมาณ 40 วันยอดอ่อนจึงจะแก่เต็มที่ แต่ก็แล้วแต่สภาพอากาศช่วงนั้นด้วย เมื่อใบมังคุดแน่นพอแล้ว ก็เข้าสู่ช่วงจำกัดน้ำ ใช้เวลาประมาณ 20-30วัน หรือจนเริ่มเห็นว่าใบมังคุดเฉาลง ก็เริ่มให้น้ำอีกครั้ง เมื่อได้น้ำ มังคุดจะออกดอกครับ (ตามทฤษฏีการทำมังคุดนอกฤดู) ช่วงออกดอกต้องประคบประหงมเต็มที่ ทั้งปุ๋ย ทั้งฮอร์โมน ถ้ารอดจนครบ 100 วันได้ก็ได้เฮละครับ</div>สายหมอก :: ชาวสวนหัวใจไอทีhttp://www.blogger.com/profile/14494417027355861645noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-2951814857882875477.post-17639706514685030692009-09-02T18:37:00.005+07:002009-09-02T22:29:24.698+07:00แผนการทำมังคุดนอกฤดู ช่วงสุดท้ายของฤดูผลไม้ ยังพอมีผลผลิตออกขายบ้างประปราย ทั้งมังคุดและลองกอง เฉพาะมังคุดมีราคาขยับขึ้นสูงเป็นสองเท่าของราคาช่วงตกต่ำ(อยู่ที่ 16-18 บาท/กก.) ถึงตอนนี้ชาวสวนหลายๆคนคงจะเริ่มต้นบำรุงต้นบำรุงใบ เพื่อรองรับการผลิตในรอบปีหน้า ทั้งการใส่ปุ๋ย ตัดแต่งกิ่ง และอื่นๆ แต่หากว่าใครกำลังคิดจะทำมังคุดนอกฤดู คงต้องศึกษาขั้นตอนการทำให้ละเอียด วางแผนการทำงานให้ชัดเจน และเตรียมหาวิธีการรับมือธรรมชาติที่แปรปรวนเอาไว้ด้วย<br />
การทำมังคุดนอกฤดูนั้นนิยมกันในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะแถวๆนครศรี มีผู้ประสพความสำเร็จอยู่หลายๆท่าน หากใครกำลังหาข้อมูลการทำมังคุดนอกฤดู คงจะได้อ่านข้อมูลความสำเร็จเหล่านั้นกันบ้าง<br />
<br />
ที่สวนผมเองก็กำลังเตรียมปรับแผนการผลิตใหม่ โดยแบ่งสวนสำหรับทำมังคุดนอกฤดู 30% ของพื้นที่ทั้งหมด ( แบ่งมาประมาณ 40 ต้น เพราะมีน้อยนิด) เป็นการทดลองกับของจริง แผนการคร่าวๆคือ <br />
<ol><li>บำรุงต้นหลังเก็บเกี่ยวในฤดูกาลปกติ ด้วยปุ๋ยหมัก ปุ๋ยน้ำ และปุ๋ยเคมี ผสมผสานกัน เพื่อเร่งสร้างยอดอ่อนรุ่นแรก ดูแลให้ยอดแก่</li>
<li>บำรุงทั้ง ใบ ต้น ราก ด้วยสูตร 15-15-15 ร่วมกับปุ๋ยหมักและน้ำEM เพื่อเร่งยอดอ่อนรุ่นที่ 2 บำรุงต่อจนกลายเป็นใบแก่</li>
<li>*** หยุดให้น้ำ 21 วัน ทำให้ต้นมังคุดขาดน้ำ รอจนใบเริ่มเฉา จึงให้น้ำอีกครั้ง จะทำให้มังคุดออกดอก</li>
<li>** ใช้ฮอร์โมนยึดขั้วผลก่อนดอกบานและฉีดฮอร์โมนอีกรอบหลังจาก 4 สัปดาห์ผ่านไป พร้อมกับให้ปู๋ย 13-13-21 บำรุงผล การบำรุงอื่นๆยังเหมือนเดิม</li>
</ol>**ตรงฮอร์โมนยึดขั้วผล รอบแรกคงใช้สำเร็จรูปก่อนครับ แต่หลังจากนี้จะเร่งทำน้ำหมักชีวิภาพสูตรฮอร์โมนยึดขึ้นมาใช้ทดแทน<br />
<br />
***คาดว่าอาจมีฝนหลงมาบ้าง ผมอาจใช้วิธีคลุมโคนด้วยใบจากหรืออื่นๆ เพื่อให้โคนมังคุดแห้งมากที่สุด ทีสำคัญคือ ต้องแห้งติดต่อกันนานจนมังคุดเฉาเพราะขาดน้ำ ไม่เช่นนั้นก็ต้องนับหนึงใหม่<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh_Djsz1MxwTRTg1-elix2kuF-4s1myc2gFtLVvfkvDW1kGhzA49cxVNV19yg-9I2W5laF95IXdXNdQiRVbM8gYgA7BCP-EZYDS-8woK1TOIzU33Rz8Pn314n2MUBC92P4k08ypX72lSuQ/s1600-h/thai-farmer.blogspot.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; cssfloat: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" lk="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh_Djsz1MxwTRTg1-elix2kuF-4s1myc2gFtLVvfkvDW1kGhzA49cxVNV19yg-9I2W5laF95IXdXNdQiRVbM8gYgA7BCP-EZYDS-8woK1TOIzU33Rz8Pn314n2MUBC92P4k08ypX72lSuQ/s320/thai-farmer.blogspot.jpg" /></a></div>ผมเองไม่สนับสนุนการใช้ปุ๋ยเคมีครับ แต่ในการทดลองนี้เป้าหมายหลักคือ อยากรู้ว่าทำตามขั้นตอนที่ว่าจะได้ผลยังไง ในอนาคตปุ๋ยเคมีทั้งหมดจะถูกปรับเปลี่ยนเป็นปุ๋ยทำเอง สำหรับแผนโดยละเอียดจะมาบอกเล่ากันอีกรอบ อาจมีการปรับแผนด้วยครับหลังจากปรึกษากันในครอบครัวแล้ว <br />
<br />
อีกเรื่องคือ สำหรับคนที่คิดทำมังคุดนอกฤดู เป็นครั้งแรกในชีวิต ขอความกรุณา อย่าทำทีเดียวทั้ง 100% นะครับ เพราะคุณยังขาดประสบการณ์ อาจกลายเป็นเพิ่มต้นทุนโดยใช่เหตุ ยกเว้นว่าคุณมีครูดีอยู่ข้างๆสวน อย่างนั้นทำ 100% ไปเลยครับ และอย่าลืมมาบอกขั้นตอนของเซียนด้วยนะ ผมจะได้ประชาสัมพันธ์เพื่อชาวสวนมังคุดทุกคน ปิดท้ายด้วยรูปผลผลิตจากสวนในฤดูกาลนี้ คิดว่าทั้งคันขายได้เท่าไหร่ครับสายหมอก :: ชาวสวนหัวใจไอทีhttp://www.blogger.com/profile/14494417027355861645noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-2951814857882875477.post-86430505640938506902009-09-02T00:30:00.002+07:002009-09-02T19:15:04.342+07:00ความทุกข์ของชาวสวนมังคุดช่วงนี้เป็นฤดูผลไม้ จึงมีผลผลิตออกมามากมาย คนไทยทั่วไปก็มีความสุข ได้กินผลไม้ราคาถูก ขณะที่ชาวสวนต้องร้องให้ โดยเฉพาะชาวสวนผลไม้ทางภาคใต้ ต้องพบเจอกับวิกฤตราคาผลไม้ทุกปี เน้นว่าทุกปี โดยเฉพาะตั้งแต่เดือนกรกฎาคม - สิงหาคม ราคาจะตกต่ำมาก โดยเฉพาะราคามังคุด เงาะ และ ลองกอง <br />
ยกตัวอย่างง่ายๆ มังคุด ราชินีแห่งผลไม้ ที่มีราคาอยู่ที่ 6-9 บาทต่อกิโลกรัม นี่หมายถึงผลที่เกรดดีสุด(A)แล้ว ยังไม่พูดถึงมังคุดดอก ดำ หรือเกรดB,C ชาวสวนขนมังคุดไปเต็มรถกระบะ น้ำหนักร่วมๆ 300 กิโลกรัม ได้เงินกลับมาไม่ถึง 1,500 บาท แค่ค่าแรงก็แทบไม่เหลือแล้ว เวลาชาวสวนเรียกร้องให้ช่วยแก้ปัญหา มักได้คำตอบว่า แก้ไม่ได้เพราะปริมาณผลไม้ออกสู่ตลาดมีมากเกินความต้องการ ผลผลิตคุณภาพไม่ดี บลาๆๆๆ แล้วแต่จะอ้าง แต่จากการรวบรวมข้อมูลทั้งจากอินเตอร์เน็ต จากการสอบถามพ่อค้าแผงลอย พ่อค้าคนกลาง พ่อค้าส่งออก ทำให้พอจะสรุปข้อมูลของปัญหาได้ดังนี้<br />
<ol><li>ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมๆกันโดยเฉพาะช่วงปลายกรกฎาคมถึงปลายสิงหาคม ทำให้ผู้ส่งออกไม่สามารถรับซื้อได้ทั้งหมด อีกทั้งยังมีแหล่งของสินค้าให้คัดสรรจากหลายแหล่ง พูดง่ายๆว่าชาวสวนต้องง้อพ่อค้า พ่อค้าจึงเป้นผู้กำหนดราคา ยิ่งห่างเมืองราคารับซื้อจะยิ่งลดลง เพราะมีการกินหัวคิวต่อเป็นทอดๆ</li>
<li>มังคุดมีปัญหา เนื่องจากชาวสวนมังคุดส่วนใหญ่จากการสอบถามคนทำสวนกว่า 50 ราย(ที่พอจะถามได้) พบว่ากว่า 46 ราย ยังมีการเก็บลูกมังคุดที่ตกบนพื้น(ตกจากที่สูงๆ)หรือลูกใต้โคน ไปขายรวมกับลูกที่เก็บสดๆ เมื่อเวลาผ่านไป อย่างเร็ว 1 วัน อย่างช้า 3-5วัน ผลมังคุดพวกนั้นจะแข็ง (หวังว่าคงเคยเจอ) ทำให้ผู้รับซื้อที่ต่างประเทศไม่กล้าสั่งสินค้าในปริมาณมากๆ เมื่อออเดอร์ลด ราคาก็ถูกลดไปด้วย เรียกว่าปลาเน่าๆหลายตัวทำให้ปลาเน่าทั้งเข่ง ข้อนี้เป็นปัญหาหลักและส่งผลต่อราคาอย่างยิ่ง เพราะพ่อค้าสามารถใช้เป้นข้ออ้างในการกดราคาได้ดีนัก</li>
<li>ช่วงที่มังคุดให้ผลผลิต จะอยู่ในช่วงฤดูฝนของทางภาคใต้พอดี ทำให้มังคุดสุกเร็ว ยิ่งฝนลงยิ่งแข่งกันสุก ทำให้ผลมังคุดสุกงอมเร็ว กลายเป็นลูกดำ หากเก็บเกี่ยวช้าก็จะถูกตัดราคา (ราคาลูกเกรดA คือ 6-9 บาท ขณะที่ลูกดำ 2-3 บาท)</li>
<li>ตลาดส่งออกยังจำกัด ผู้ซื้อก็รายเดิมๆ การแข่งขันจึงพบได้น้อยมาก ขณะที่การแปรรูปมังคุดในประเทศ ยังถูกจำกัดด้วยฤดูการและงบประมาณ กลัวว่าลงทุนเครื่องจักรไปแล้ว ทำการผลิตได้แค่ไม่กี่เดือน จะไม่คุ้ม</li>
<li>นโยบายรัฐบาลไม่ชัดเจน ตกลงจะส่งเสริมหรือไม่ส่งเสริม จะช่วยหรือไม่ช่วย ต้องรอให้ชาวสวนออกมาเรียกร้องถึงจะกระดิกตัวทำงาน ไม่เคยมีนโยบายทำอะไรล่วงหน้า อย่าลืมว่ามังคุด เป็นผลไม้ เก็บได้ไม่กี่วันก็เน่าเสีย มัวรอร่างแก้ไขเข้าสภาคงไม่ไหว ดังนั้นหัดทำหัดคิดอะไรล่วงหน้าหลายๆเดือนบ้างก็ดี<br />
</li>
</ol>เพื่เป็นการสนับสนุนว่าราคามังคุดตกต่ำขนาดไหน ผมมีข้อมูลที่เก็บจากสวนมังคุด (สวนผมเอง) มาให้ดู เป็นราคาขายมังคุดตลอดฤดูเก็บเกี่ยวนี้ครับ<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj2XksDqol7raXN1V-HMTRCxdlYvRgA3pHHwjmkXYwCE-R_utMU5pP_s3r0oRHUoaAUyqmhxQn1IaSnFuHglSqD2zhjkxflYgayV0U1i0NSVTC8xZuEulIzlZE9flveoLvwgxB30kwTdOg/s1600-h/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%94.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" lk="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj2XksDqol7raXN1V-HMTRCxdlYvRgA3pHHwjmkXYwCE-R_utMU5pP_s3r0oRHUoaAUyqmhxQn1IaSnFuHglSqD2zhjkxflYgayV0U1i0NSVTC8xZuEulIzlZE9flveoLvwgxB30kwTdOg/s400/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%94.png" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"></div>เส้นสีน้ำเงิน คือราคาของมังคุดคัดเกรด A คิดจากบ้านไปรอบนึงแล้วก็ถูกแม่ค้าคัดอีกรอบ<br />
เส้นสีแดง คือราคาขายมังคุดลูกดอก หรือลูกดำ ราคาใกล้ๆกัน บางแห่งรับซื้อแบบผสมๆราคาเดียวกัน<br />
ผลผลิตมังคุดปีนี้รวมๆแล้ว ได้ 6 ตันกว่าๆนิดๆ แต่รวมๆเงินที่ได้(ยังไม่หักค่าแรงงาน,น้ำมันรถ,ปุ๋ยหมัก ฯลฯ) ยังไม่พอซื้อคอมพิวเตอร์ดีๆซักเครื่องเลย (ประมาณ 5 หมื่นบาท) นี่แค่เปรียบเทียบให้เห็นภาพความต่างของมูลค่าสินค้า สวนของผมเริ่มขายมังคุดครั้งแรกวันที่ 20 กรกฎาคม จนถึงปัจจุบันครับ<br />
<br />
แล้วทางแก้ล่ะ ก็ยังพอมี<br />
<ol><li>เพื่อลดปริมาณผลผลิตในช่วงปลายกรกฎาคมถึงปลายสิงหาคม จึงขอเชิญชวนให้ชาวสวนมังคุดหันไปทำมังคุดนอกฤดู ทำทุกสวนไปเลย แต่ทำแค่ 20-30%ของมังคุดที่มีผมประมาณให้ง่ายๆ สมมติ ทำนอกฤดู 30% แต่ได้ผลแค่ 20% ราคาขายประมาณ 40 บาท ต่อ กิโลกรัม === 20*40 == 800 , ขณะที่เหลือในฤดู 70% ให้ผลผลิตเต็มเท่าที่มีเลย คือ 70% ราคาขายเฉลี่ยประมาณ 10 บาทต่อกิโลกรัม == 70*10 == 700 นี่เป็นตัวอย่าง ถ้าทำตามโมเดลนี้ ปริมาณผลผลิตในฤดูจะเหลือประมาณ 70% ของปัจจุบัน ราคาเฉลี่ยอาจสูงกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้ แต่การทำนอกฤดูก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องลงทุนเงินและความมุ่งมั่น ความเอาใจใส่มาก แต่ผลตอบแทนก็คุ้มการความเหนื่อยครับ ที่สวนผมก็กำลังทดลองตามแนวทางที่คนที่ทำสำเร็จแนะนำอยู่ครับ </li>
<li>เรื่องปัญหาคุณภาพมังคุด ส่วนใหญ่เกิดขึ้นขณะเก็บเกี่ยว ทั้งวิธีการเก็บที่รุนแรง และ การเก็บลูกใต้โคน คงต้องร่วมสร้างสำนึกและความรับผิดชอบแก่เจ้าของสวน แต่ก็อย่างว่า ไม้แก่ดัดยาก คงมีไม่น้อยที่ยังคงพฤติกรรมเดิมๆ ผมจึงแนะนำว่า รวมกลุ่มเฉพาะสวนที่ไว้ใจกันจริงๆ อาจมีการสุ่มตรวจหรือตามไปดูการเก็บเกี่ยว คงให้ดูกันเองครับ แล้วติดต่อไปยังผู้รับซื้อขอต่อรองราคาที่คุ้มและยุติธรรมกับความทุ่มเทและความเอาใจใส่ต่อสินค้า อาจมากกว่าราคาท้องตลาด3-5บาทก็แล้วแต่ เพื่อให้ชาวสวนที่ทำดีมีกำลังใจทำต่อไป และยังเป็นแรงจูงใจให้กลุ่มอื่นๆพัฒนาคุณภาพสินค้าของตนให้สูงขึ้นด้วย</li>
<li>สู้กับฝนคงไม่ไหว แต่ถ้าหาทางบรรเทาอาจพอมี เช่น พลาสติกคลุมโคน , ปลูกผักเช่นต้นเหลียงไว้ใต้โคนมังคุด ช่วยดูดน้ำส่วนเกิน แต่นั่นเป็นปลายเหตุ ถ้าทำข้อ 1 และ 2 ได้ ข้อ 3 ไม่มีปัญหาครับ จะตกยังไงก็สบาย</li>
<li>หาตลาดใหม่ๆเพื่อส่งออก พวกคนทำส่งออกเองจะมีส่วนสำคัญมากในข้อนี้ เพราะรู้ขั้นตอนและระเบียนการส่งออกผลไม้ดี มีพันธมิตรการค้าหลากหลาย ยิ่งหมั่นหาตลาดส่งออกได้มาก ผู้ค้าก็ได้กำไรมาก </li>
<li>ด้านรัฐบาล ก็ช่วยคิดนโยบายสนับสนุนการค้าสินค้าเกษตรล่วงหน้าบ้าง นโยบายนึงที่มีคนพูดถึงกันมากคือ การสั่งซื้อล่วงหน้า ซึ่งอาจทำให้ราคาผลไม้สูงขึ้น แต่ข้อนี้อาจไม่จำเป็นเลย ถ้าทำข้อ 1 และ 2 ได้</li>
</ol>นี่เป็นปัญหาหนักอกที่ชาวสวนมังคุด และ สวนอื่นๆกำลังประสบอยู่ครับ หวังว่าปีหน้าคุณจะช่วยซื้อมังคุดกินโดยไม่เกี่ยงราคาบ้างนะครับสายหมอก :: ชาวสวนหัวใจไอทีhttp://www.blogger.com/profile/14494417027355861645noreply@blogger.com0